เมื่อวันที่ 4-8กันยายน2561ที่ผ่านมาผมได้เข้าร่วมงานCEDIA Expo2018 ณ.เมืองSan Diego รัฐCalifornia ถือว่าเป็นงานใหญ่ที่สุดสำหรับคอHome Theater โดยงานนี้จะจัดขึ้นทุกๆปีช่วงเดือนกันยายนหมุนเวียนไปในเมืองต่างๆทั่วอเมริกา โดยในงานจะมีการแสดงสินค้านวัตกรรมเกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ภายในบ้านมากกว่า 20000ชนิด จากผู้เสนอสินค้ากว่า 500ยี่ห้อ ก็ลองมาดูกันครับว่างานนี้มีอะไรที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์เกี่ยวกับHome Theaterบ้าง

งานCEDIAที่จัดขึ้นทุกปีจะจัดขึ้นใช้เวลาทั้งหมด 5วัน ในสองวันแรกจะเป็นการเรียนหรือTrainingอย่างเดียว ส่วนอีกสามวันที่เหลือก็มีทั้งการTrainingและการออกร้านแสดงสินค้าจากผู้จำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องเสียงต่างๆ โดยการTrainingก็จะมีอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงมีประสบการณ์ในด้านต่างๆมาให้ความรู้ในห้องเรียนเป็นSessionมากมายหลากหลายหัวข้อแล้วแต่เราจะเลือกว่าต้องการเรียนเรื่องอะไรบ้างส่วนมากจะฟรีแต่ก็มีบางหัวข้อที่น่าสนใจได้รับความนิยมก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายในการเรียนด้วย ส่วนManufacturer Product Training บริษัทเครื่องเสียงชั้นนำต่างๆก็จะเปิดห้องเรียนเพื่อมาให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าของตัวเองในเรื่องเทคนิคการใช้งานการปรับแต่ง

ผมได้เดินทางมาถึงอเมริกาก่อนงานเริ่มหนึ่งวันเพื่อเตรียมตัวก่อน โรงแรมที่พักก็ได้จองไว้ให้ใกล้เคียงกับงานมากที่สุดจะได้ไม่มีปัญหาในการเดินทาง ในปีนี้งานจัดขึ้นที่ San Diego Convention Center หอประชุมที่มีขนาดพื้นที่กว่า 250000ตารางเมตร มีสามถึงสี่ชั้นในแต่ละส่วน ผมก็ได้เข้าพักที่โรงแรมHilton San Diego Gaslamp Quarterเรียกได้ว่าอยู่ตรงข้ามกับสถานที่จัดงาน เพียงแค่ข้ามถนนก็ถึงนับว่าสะดวกในการเดินทางดี หลังจากผ่านการเดินทางที่นั่งเครื่องบินกว่ายี่สิบชั่วโมงมาถึงเมืองSan Diegoก็ช่วงบ่ายๆ เข้าไปcheck inที่โรงแรมเรียบร้อยก็ข้ามถนนไปยังสถานที่จัดงานทันทีเพื่อไปลงทะเบียนเข้างานก่อนในวันเริ่มงานจริงๆจะได้ไม่ได้ต้องมารอคิวยาว มาถึงสถานที่จัดงานก็มีบูทพร้อมเจ้าหน้าที่มารอรับการลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว เมื่อลงทะเบียนเสร็จก็จะให้กระเป๋า หนังสือแนะนำงาน รวมถึงป้ายคล้องคอที่แสดงข้อมูลพื้นฐานของเรา coursesเรียนต่างๆที่ได้ลงทะเบียนไว้ และได้ฝังchipข้อมูลของเราอยู่ตรงป้ายคล้องคอนี้ด้วย เวลาเข้าไปเรียนในห้องไหนก็จะมีการscanเพื่อเป็นการยืนยันตัวตนว่าได้ลงทะเบียนให้classนั้นๆไว้ไหมจะได้เป็นการเก็บข้อมูล และเก็บเครดิตในการเข้าเรียนในแต่ละห้องเอาไว้ด้วย เมื่อทำการลงทะเบียนเรียบร้อยก็ทำการสำรวจบริเวณงานรอบๆ ซึ่งในตอนนี้ห้องที่เป็นห้องจัดแสดงต่างๆยังไม่เรียบร้อยกำลังดำเนินการก่อสร้างเพื่อให้แล้วเสร็จก่อนงานแสดงจริงๆที่จะเริ่มในอีกสามวันข้างหน้า

เริ่มงานวันแรกทั้งหมดเป็นการtrainingตามห้องต่างๆที่จะอยู่ชั้นบนConventional Center ด้านหน้าห้องก็จะมีชื่อcourse รหัสวิชา ระยะเวลา ในวันแรกผมได้ลงcourseเดียวยาวเลยคือHome Cinema Design Workshop ตั้งแต่เก้าโมงเช้ายาวไปถึงสี่โมงเย็น นับว่าเป็นcourseที่ต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อเข้าเรียน อาจารย์ที่มาสอนในเรื่องนี้มีสองท่านคือGeoff Meadsและ Guy Singleton ฟังชื่อก็อาจจะไม่คุ้นหูเท่าไร แต่พอเห็นประวัติแต่ละคนก็ไม่ธรรมดาเลยเช่นทั้งสองคนเคยทำงานด้านการออกแบบห้องHome Cinema, Home Theaterมามากกว่ายี่สิบปีทั้งนั้น มีบริษัทในการทำงานด้านนี้เป็นของตัวเอง งานแต่ละงานนี่เป็นระดับWorld Class ราคาการออกแบบว่ากันเป็นหลักล้านบาท(เฉพาะการออกแบบนะครับไม่รวมค่าก่อสร้างค่าอุปกรณ์) อย่างเช่นGuy Singletonนี่ก็เคยทำห้องHome Theaterให้กับ Peter Jacksonผู้กำกับหนังระดับOscars ที่เคยทำหนังดังๆเช่นThe Lord of the Rings, The Hobbit, King Kong มาแล้ว ดังนั้นย่อมการันตีความรู้ความสามารถ และฝีมือของแต่ละท่านได้ การเรียนในภาคเช้านั้นจะเป็นทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบห้องHome Cinemaในระดับhigh-performance design เท่าที่ฟังดูEngineering principlesต่างๆที่สอนจะอ้างอิงตามหลักวิทยาศาสตร์ หลักPhysicsทั้งนั้น อย่างเช่นการหาตำแหน่งนั่งฟังก็ต้องอาศัยหลักการในเรื่องของroom mode การหาวางตำแหน่งการหาขนาดของจอภาพก็ต้องใช้มาตรฐานต่างๆมาอ้างอิง หลักการประเภทคิดขึ้นเอาเองเออเองไม่มีให้เห็นในนี้เลย ส่วนในภาคบ่ายจะเป็นworkshopก็คือจะแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่มละหกเจ็ดคน มีโจทย์ให้นักเรียนมาว่าห้องขนาดเท่านี้ มีเงินทุนให้ทำเท่านี้ จะออกแบบห้องและวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆแบบไหนบ้าง ให้นักเรียนร่วมกันคิดร่วมกันทำ โดยในขณะที่ทำก็จะมีอาจารย์คอยมาควบคุมดูแล และให้ความรู้ไปด้วยว่าทำไมต้องทำแบบนี้ มีเหตุผลอะไร ใช้หลักการอะไรในการออกแบบบ้าง ซึ่งในวันแรกกว่าจะเสร็จก็สี่โมงกว่าแล้ว เดินลงมาก็เหลือบมองไปในห้องแสดงสินค้าที่จะเปิดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้าก็เห็นแต่ละบูธกำลังเร่งมือในการทำห้องโชว์ต่างๆกันอยู่ ดูแล้วก็น่าตื่นเต้นว่าแต่ละห้องที่ทำออกมาจะดียอดเยี่ยมขนาดไหน






วันที่สองของCEDIA Expoทั้งหมดก็ยังจะเป็นการTrainingอีกวันหนึ่งเช้าวันนี้ผมเข้าเรียนในเรื่องHome Theater Audio and Acoustics Part II โดยDr.Sean Olive ซึ่งถ้าในคุ้นเคยกับDr.Floyd Tooleคนแต่งหนังสือSound Reproduction Loudspeakers and Rooms เจ้าพ่อในเรื่องAcousticsในห้องขนาดเล็ก Sean Oliveคนนี้ก็เป็นคนที่ทำงานร่วมกับDr.Floyd Tooleและสืบสานงานต่อเนื่องหลังจากDr.Floydเกษียณแล้วในขณะนี้ ที่ได้เข้าเรียนเริ่มในPart II ก็เพราะPart Iมีการเรียนในวันแรกและเวลาก็ตรงกับclass Home Cinema Design Workshopที่ผมลงเรียนพอดี สำหรับในclassนี้Sean Oliveได้พูดถึงการออกแบบอย่างไรถึงจะทำให้surround sound systemผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด การทำงานของลำโพงนั้นทำงานกันอย่างไร แล้วspecificationของลำโพงนั้นบอกอะไรได้บ้าง รวมถึงตำแหน่งนั่งฟัง ขนาดของห้องจะมีการจัดการอย่างไรให้เหมาะสม เพื่อให้ผู้ฟังได้รับประสบการณ์cinema experienceได้ดีที่สุด ส่วนในภาคบ่ายผมได้ร่วมฟังในหัวข้อNew and Emerging Technologies: Implementation of 4K, 8K, infrastructure, HDR and BT2020โดยJeff Murray อาจารย์สอนของISFและLu Xiaozheng จากบริษัทLuxi Electronics Corpโดยการบรรยายจะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับพื้นฐานในเรื่องภาพ4K ระบบbandwidthต่างๆ การextending, splitting, switching high-value HDR content จนไปถึงระบบภาพแบบ 8Kที่กำลังจะเข้ามา


หลังจากจบชั่วโมงนี้แล้วผมก็ต้องรีบวิ่งไปอีกห้องหนึ่งซึ่งได้ยินข่าวแว่วๆมาตั้งแต่เช้าแล้วว่าจะมีการเปิดตัวระบบภาพและเสียงแบบใหม่ที่เป็นการร่วมมือกันของทางDTSและIMAX โดยใช้ชื่อว่าImax Enhanced(ไอแมกซ์ เอ็นแฮ้นช์) โดยconceptsคร่าวๆก็คือการนำเอาประสบการณ์ภาพและเสียงที่ได้จากโรงภาพยนตร์IMAXเข้ามาสู่ภายในบ้านโดยการพัฒนาร่วมกันของDTSและIMAX ซึ่งในการเปิดตัวนี้ก็ได้พูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับระบบImax Enhancedที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้งในเรื่องของภาพที่Scaleขยายภาพให้เต็มจอขึ้นโดยให้มีอัตราส่วน 1.9:1 หรือ 1.43:1เหมือนในโรงภาพยนตร์IMAX ร่วมถึงการrenderภาพจากในโรงภาพยนต์IMAXใหม่ให้มีความเหมาะสมกับที่จะนำมาฉายกับจอที่ใช้ภายในบ้าน ในเรื่องของเสียงก็ได้มีการพูดถึงReceivers และ Processorsที่จะรองรับระบบนี้ รวมถึงแผนผังการวางตำแหน่งลำโพงของระบบ 5.1.4 , 5.2.4 จนไปถึงระบบ 7.2.4ที่เป็นconfigurationสูงสุดของ IMAX Enhanced ซึ่งเท่าที่ผมดูก็ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับระบบDolby Atmosมาก เรียกได้ว่าใครวางตำแหน่งลำโพงแบบDolby Atmosตามมาตรฐานอยู่แล้วก็สามารถนำไปใช้กับระบบIMAX Enhancedได้เลย ในตอนท้ายของการบรรยายก็ได้มีการแจกspecial ticketเพื่อนำไปเข้าชมระบบภาพและเสียงIMAX Enhancedจริงๆที่จะเปิดให้ชมเป็นครั้งแรกในโลกในงานCEDIA Expo 2018ครั้งนี้ด้วย



เมื่อจบจากการแถลงเปิดตัวIMAX Enhanced ในตอนเย็นก็มีงานเปิดอย่างเป็นทางการของCEDIA Expoในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าคึกคักมากมีผู้เข้าร่วมงานกว่าพันคนที่ล้วนแต่เป็นคอhome theaterหรือผู้ที่ชื่นชอบระบบภาพและเสียงภายในบ้าน โดยในงานได้รับเกียรติจากJohn Penny ตำแหน่งExecutive Vice President, Consumer Business Development and Strategic Partnerships Twentieth Century Fox มาเป็นKeynote Speakerพูดเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีecosystem ที่มาพร้อมกันทั้งhardware softwareและสื่อentertainmentต่างๆ ประทับใจที่สุดก็ตอนสุดท้ายที่John PennyนำเอาคลิปหนังดังของTwentieth Century Foxมาตัดต่อกันในหัวข้อเรื่องว่า ที่ผ่านมาTwentieth Century Foxได้สร้างปรากฏการณ์อะไรขึ้นมาบ้างในโลกใบนี้

มาถึงวันที่สามของงานCEDIA Expo 2018วันที่มีทั้งการtrainingจากทางCEDIAเอง และจากทางบริษัทสินค้าต่างๆ รวมถึงมีงานแสดงสินค้า โชว์ห้องฟังของสินค้าต่างๆมากมายโดยในตอนเช้าวันนี้ผมเริ่มจากการเข้าเรียนก่อน ในหัวข้อHome Theater Audio and Acoustics Part III โดยTodd Weltiเจ้าพ่อMultiple Subwooferที่ผมเคยอ่านArticleของเขาหลายบทความมาแล้วแต่ไม่เคยได้ฟังเจ้าตัวพูดเองเลยซักที วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ได้มาฟังตัวจริงเสียงจริงในเรื่องการใช้Subwooferหลายตัวในห้องขนาดเล็ก ซึ่งถ้าใครสนใจในเรื่องนี้ลองsearch ในGoogleคำว่า”Todd Welti subwoofer”ก็จะเจอarticleน่าสนใจที่เกี่ยวกับการใช้multiple subwooferอยู่มากมาย ในห้องเรียนToddก็ได้เริ่มอธิบายตั้งแต่เรื่องPhysicsของเสียง, เรื่องของห้อง, Standing wave, RT60, การใช้และการวางSubwooferแบบต่างๆทั้งตัวเดียว หลายตัว, nearfield subwoofer, Low Frequency & Bass trap รวมไปจนถึงเรื่องของการ EQ Subwoofer นับว่าเรื่องนี้มีประโยชน์ต่อการนำไปประยุกต์ใช้ในห้องhome theaterได้มากเลยทีเดียว

ซึ่งหลังจากนี้อีกสองวันผมก็ได้ลงเรียนอีกไม่กี่เรื่องเพื่อจะได้มีเวลาไปเที่ยวเยี่ยมชมบูธสินค้า และห้องฟังจากสินค้ายี่ห้อต่างๆ เรื่องที่เรียนก็มีเรื่องของHome Projector Solutions:From Full HD to 4K HDR, 4K HDR, HDR Technology and Integration โดยผู้มีชื่อเสียงด้านภาพระดับโลกหลายท่านเช่น Toshi Ogura Chief Distinguished EngineerของSonyเจ้าพ่อเรื่องHDR, Tyler Pruitt จาก Spectracal เป็นTechnical Evangelistมาสอนเทคนิคการใช้โปรแกรมCalMANซึ่งนับว่ามีประโยชน์มากเพราะบางเทคนิคเล็กๆน้อยในการปรับภาพบางอย่างเราก็ยังเข้าใจไม่ถ่องแท้ต้องให้คนที่เขาทำโปรแกรมจริงๆมาอธิบายทำให้เข้าใจได้ลึกมากยิ่งขึ้น โดยหลังจากการฟังบรรยายเสร็จก็จะมีการเปิดcontentให้มีการเปรียบเทียบกันจากจอทีวี จอโปรเจคเตอร์ ประเภทต่างๆ ยี่ห้อต่างๆ เปิดคู่กันไปเลยให้เห็นภาพกันชัดๆเช่นทีวีก็จะมีทีวีรุ่นTopของเกือบทุกยี่ห้อมาวางเรียงกันเปิดภาพจากแหล่งเดียวกันแล้วมาดูข้อดีข้อเสียของทีวีแต่ละตัวกัน เช่นเดียวกับโปรโจคเตอร์ที่จะเอารุ่นใหญ่สุดของแต่ละยี่ห้อมาวางในrackทั้งหกเจ็ดตัวแล้วฉายลงบนจอภาพสองข้าง โดยมีแผ่นปิดหน้าจอเอาไว้ เวลาจะให้ภาพจากเครื่องไหนแสดงก็กดipadเลือกได้แต่ละตัว คราวนี้จะดูเครื่องไหนจอไหนเปรียบเทียบกันก็สามารถทำได้เลยสะดวกดีมาก




หลังจากเข้าฟังในเรื่องของวิชาการมาเยอะแล้วต่อไปเป็นเรื่องของการแสดงสินค้าภายในงานจริงๆ พื้นที่จัดแสดงสินค้าทั้งหมดจะมีอยู่สองชั้น ชั้นล่างสุดจะเป็นโถงขนาดใหญ่แล้วแต่ละบูธก็จะกั้นทำในส่วนห้องลองภาพและเสียงของตัวเอง ส่วนชั้นบนจะซอยเป็นห้องเล็กแต่ละห้องแยกกันอยู่แล้ว เมื่อเดินเข้างานไปในชั้นล่างที่แสดงหลักผมก็ต้องตกใจกับขนาดของห้องที่ใหญ่ และมีการสร้างห้องเล็กๆเต็มไปหมดเพื่อโชว์ระบบเสียงของเครื่องเสียงแต่ละยี่ห้อ ซึ่งต่างจากงานจัดแสดงเครื่องเสียงในเอเชียที่ผมเคยไปมา เพราะส่วนมากจะมีห้องแยกที่โชว์เฉพาะhome theaterนั้นไม่กี่ห้อง แต่นี่ห้องแสดงhome theaterนั้นเยอะมากหลายหลายสิบห้อง เรียกได้ว่าไล่ดูทั้งวันคงดูไม่ทั่ว นี่ยังไม่รวมบูทเล็กๆที่โชว์ระบบเสียงภายในบูธแบบไม่ได้กั้นเป็นห้องอีกนับร้อยบูธ ไม่ว่าจะยี่ห้อเล็กใหญ่ ราคาไหน ก็มาโชว์กันหมด และไม่ได้โชว์แบบธรรมดาด้วย จัดเต็มกันเกือบทุกบูธทุกห้อง บางห้องได้ยินมาว่าเฉพาะราคาค่าทำห้องก็ต้องลงทุนกันหลายสิบล้านบาทเลย ผมคงไม่สามารถไล่ให้ฟังในทุกห้องได้ว่าแต่ละห้องมีอะไรน่าสนใจกันบ้าง ขอเลือกเอาบางห้องมาเป็นตัวอย่างละกัน




ห้องแรกที่ได้ไปดูก็คือห้องโชว์ของIMAX Enhanced ห้องนี้เริ่มการโชว์ในทุกบ่ายสามของทุกวัน และก็จะมีคนเข้าไปยืนรอคิวทุกวันยาวมาก คงเป็นเพราะเป็นระบบใหม่ที่ใครๆก็อยากสัมผัสภาพกับเสียงว่าพอIMAXร่วมมือกับDTSแล้วจะเป็นยังไงกันบ้าง ผมก็ได้ไปเข้าคิวรอก่อนในรอบแรกที่เปิดโชว์ดีหน่อยได้ตั๋วspecial ticketที่ไม่ต้องต่อคิวปกติ jump to the front of the lineได้เลย แต่เท่าที่ดูตัวพิเศษก็ยังต้องต่อคิวนานเลยแสดงว่าคนให้ความสนใจกันเยอะมาก ซึ่งบรรยากาศภายในห้องโชว์ของIMAX Enhancedผมก็ได้liveสดผ่านFacebookรายงานไปบ้างแล้วใครสนใจก็สามารถตามเข้าไปดูย้อนหลังในเพจของHome Theater Pro Thailandได้ แต่ก็ขอสรุปคร่าวๆให้ฟังว่าห้องโชว์นี้ข้างในไม่ได้เป็นห้องที่ใหญ่มาก แต่เป็นห้องเล็กๆขนาดห้องhome theaterทั่วไปในบ้านเราตอนแรกก่อนที่จะโชว์ก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าห้องเล็กขนาดนี้จะทำเสียงได้ดีขนาดไหน แต่พอได้ชมคลิปที่เอามาโชว์เท่านั้นแหละถึงกับอึ้ง เพราะโดยปกติห้องเล็กแบบนี้ถ้าsetเสียงเบสมากเกินไปเสียงล้นแน่นอน แต่ในห้องนี้เสียงเบสที่ออกมามีคม กระชับ ไม่มีบวมเลยแม้แต่น้อย อย่างเช่นฉากการปล่อยยานอวกาศของนาซ่าที่ปกติเสียงจะดังมากและอื้ออึงไปหมด แต่ห้องนี้เรียกได้ว่าเอาอยู่เลยนิ่ง ได้รายละเอียดของวัตถุที่ปนมากับเสียงเบสครบไม่ว่าจะเป็นเสียงสิ่งของที่ปลิวกระเด็นออกมาจากยานขณะเสียงยานกำลังขึ้น หันไปดูระบบที่ใช้ก็มีแค่Subwooferขนาดเล็กสองตัววางไว้ด้านข้าง กับAVRที่รองรับระบบIMAX Enhanceอีกตัวแค่นั้น แต่เสียงที่ออกมาไม่เหมือนกับเสียงที่ออกมาจากอุปกรณ์แค่นี้ซึ่งผมคิดว่าห้องนี้เป็นห้องขนาดเล็กที่เสียงดีที่สุดที่ได้ฟังจากงานในครั้งนี้ได้เลย อันนี้ต้องยกเครดิตให้กับคนsetupห้องนี้เลยใช้อุปกรณ์น้อยแต่ ให้เสียงออกมาได้เกินตัวมาก ส่วนเรื่องภาพIMAX Enhanceได้ทำการrenderภาพใหม่ให้เป็นอัตราส่วนตามIMAXอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วซึ่งภาพที่renderออกมาถือได้ว่าทำได้ดีเลย ไม่มีclippingเพี้ยนของสีที่IREสูงๆ รายละเอียดต่างๆดูสวยงามสมจริง ที่สำคัญจอภาพไม่ต้องใหญ่มากก็ให้ภาพเต็มตามากขึ้นกว่าจอแบบwide 2.35:1 เหมาะกับทีวีจอ16:9โดยทั่วไปมาก แต่อย่างที่บอกตอนนี้ก็ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินระบบนี้ว่าจะไปได้ดีในระดับไหน ก็อดใจรออีกไม่นานคงเข้ามาถึงบ้านเราอย่างแน่นอน

ห้องต่อมาที่ผมได้เข้าไปชมก็คือห้องของลำโพงWisdom ร่วมกับPre processorของTrinnov เป็นอีกห้องหนึ่งที่ผมเข้าไปแล้วประทับมากทั้งการออกแบบห้องที่ภายในตกแต่งได้สวยงาม มีโซฟานั่งดูหนังสีแสดสวยงามทำเป็น3แถว18ที่ การตกแต่งภายในมีการเล่นเส้นสายให้ดูสวยงาม ระบบลำโพงที่ใช้เป็นลำโพงแบบLine SourceของWISDOMติดฝังไว้ใต้ผนังในระบบ9.4.6 ใช้แอมป์28แชลแนลกว่า 12000watts จอภาพATขนาด160นิ้วของSeymour Screen ใช้โปรเจคเตอร์Sony VPL5000 4Kได้ยินข่าววงในมาด้วยว่าห้องนี้ทำการออกแบบและสร้างประกอบกันก่อนที่ฝรั่งเศสด้วยราคาค่าจัดทำร่วมยี่สิบล้านบาท เมื่อทำการtuningปรับทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ได้แยกส่วนประกอบแล้วเอามาประกอบในงานCEDIAนี้อีกที นอกจากรูปลักษณภายนอกที่สวยงามแล้ว เสียงกับภาพในห้องนี้ก็ถือได้ว่าไม่เป็นรองใคร เสียงที่ได้มีความหนักแน่น ยิ่งใหญ่ การโยนเสียงแต่ละchannelsไร้รอยต่อ มีความsmoothมากไม่เสียชื่อpre-processorระดับแถวหน้าของโลกอย่าง Trinnov Altitude32 ภายในการโชว์ก็จะเปิดคลิปอยู่สามสี่คลิป และที่ประทับใจมากที่สุดเป็นคลิปสุดท้ายที่เปิดหนังเรื่องTron เมื่อถึงฉากที่ขี่มอเตอร์ไซด์ แล้วมีเส้นสีขาวๆอยู่ในฉาก ผนังภายในห้องก็จะมีเส้นแสงสีขาวรับกับภาพจากจอภาพเลย ทำให้ดูแล้วเหมือนเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นเลยจริงๆ ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมมากครับสำหรับการโชว์ในห้องนี้





ส่วนอีกห้องหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากคอhome theaterกันอย่างมากมายทุกปี ต้องมีการจองบัตรกันล่วงหน้าถึงจะได้ดูคือห้องของJBL Synthesis ซึ่งผมก็ต้องไปจองบัตรล่วงหน้าก่อนสองวันเพื่อให้ได้ตั๋วfront of the lineจะได้ไม่ต้องไปรอคิวนาน ห้องนี้ก็เป็นอีกห้องหนึ่งที่ตกแต่งภายในได้สวยงามเหมือนเข้าไปอยู่ในDedicated home theaterที่บ้าน ลำโพงทุกchannelsกว่า29channelsวางไว้ในระบบ15.4.10เป็นลำโพงin wall ฝังเข้าไปในผนังสวยงามไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามีลำโพงตรงจุดไหนบ้าง กำลังขับที่ใช้ขับลำโพงทั้งหมด40000watts คลิปที่นำมาเปิดก็เป็นคลิปที่ส่งโดยตรงจากdolbyที่มีการdiscrete channelsต่างๆมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงเวลาเปิดคลิปภาพยนตร์ให้ได้ฟังกันจริงๆ ต้องบอกว่าไม่เสียแรงที่เข้าคิวนานกว่าจะได้ดูห้องนี้ เสียงมีสเกลเสียงใหญ่โตเหมือนในโรงภาพยนตร์ เมื่อถึงฉากที่ต้องโชว์พลังเสียงก็สามารถแสดงพลังได้อย่างยิ่งใหญ่น่าฟังแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเสียงนี้มาจากลำโพงin wall ฉากจากหนังเรื่องThe Matrixที่มีเสียงปืน ให้เสียงปืนที่ใหญ่ คม นิ่ง มีพลัง ส่วนเสียงร้องเพลงNever Enoughจากหนังเรื่องThe Greatest Showman เรียกได้ว่าสะกดคนทั้งห้องได้ เสียงมีความเคลียร์ ใส กระจ่าง ชัดเจน มีClarityสูงมาก ไม่ว่าจะเปิดคลิปอะไรก็สามารถทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมไปกับเสียงที่ออกมาได้ดีสมกับเป็นJBL Synthesisจริงๆ เห็นว่าสนนราคาเครื่องเสียงทั้งชุดนี้ไม่รวมค่าห้องตกอยู่ที่ประมาณ 400,000US dollars ตีเป็นเงินไทยน่าจะราวๆสิบสามล้านบาท โดยส่วนตัวผมคิดว่าห้องนี้เป็นห้องขนาดใหญ่ที่มีเสียงดีที่สุดในงานCEDIA2018อีกห้องหนึ่งเลย



อีกห้องหนึ่งที่เป็นชุดขนาดใหญ่คือLyngdorf Audioที่ปีนี้เช่าเป็นห้องแยกต่างหากอยู่บนชั้นสองของConvention Centerเพื่อแสดงชุดเครื่องเสียงที่ขนมาทั้งระบบ 2ch. และ home theater โดยชุดhome theaterที่ขนมานี้เป็นลำโพงแบบLine Source speakerที่มีลำโพงLCR และ Subwooferหลายดอกเรียงกันขึ้นไปในแนวดิ่ง ส่วนsubwooferก็วางไว้มุมห้องทั้งสองข้างโดยทางผู้บรรยายได้อธิบายถึงแนวคิดการวางลำโพงแบบนี้ไว้น่าสนใจว่า เมื่อมีการสะท้อนของเสียงจากผนังทั้งสองข้างทำให้เกิดtime delayของเสียงสะท้อนที่จะเข้าไปร่วมกับเสียงตรงๆของลำโพง แต่เมื่อเอาลำโพงวางเข้ามุมก็จะเป็นการลดเสียงสะท้อนด้านข้างทำให้ผลเสียที่เกิดจากการรวมกันของเสียงตรงๆกับเสียงสะท้อนเช่นcomb filterลดลงซึ่งผมว่าก็เป็นแนวความคิดในส่วนของtime domainที่น่าสนใจอีกแนวคิดหนึ่ง ตอนแรกหลังจากเดินเข้ามาในห้องนี้ก็หวั่นๆเหมือนกันเพราะในส่วนhome theaterทางLyngdorf กั้นไว้แค่เป็นผนังเบาขึ้นมาครึ่งเดียว ทำให้เสียงความถี่ต่ำต้องเจอกับปริมาตรของห้องทั้งหมด ไม่ใช่แค่ในส่วนที่กั้นไว้ แต่เมื่อฟังเสียงจากคลิปโชว์ที่เปิดมาเช่นคลิปหนังเรื่องReady Player Oneฉากแข่งรถแล้วมีคิงคองไล่ตามที่เปิดโชว์กันหลายบูท เรียกได้ว่าลำโพงเอาห้องนี้อยู่ได้สบาย เสียงที่ออกมามีความกระชับหนักแน่น ไม่มีบวมเลย การไล่เสียงSurroundทำได้ต่อเนื่องดี และเมื่อเปิดคลิปเพลงจากคอนเสิร์ตเรียกได้ว่าLyngdorfทำในส่วนนี้ได้ดีมาก ให้เสียงเพลงที่มีความไพเราะ น่าฟัง ทำให้รู้สึกสนุกไปกับเสียงเพลงและบรรยากาศที่ปรากฏอยู่บนจอ ก็เรียกได้ว่าสมกับราคาชุดนี้ทั้งชุดที่เห็นบอกว่าร่วมๆยี่สิบล้านบาทเลยทีเดียว

สำหรับบริษัทลำโพงยักษ์ใหญ่อย่างB&W ปีนี้ไม่ได้มาออกบูธในงานCEDIAแต่มีการเช่าโรงแรมที่ไม่ไกลจากConvention Hallเท่าไร ประมาณเดินได้สบายๆเพื่อให้ผู้สนใจที่มาร่วมงานCEDIAสามารถเดินต่อไปดูได้ง่าย ซึ่งผมก็ได้เดินเข้าไปร่วมชมด้วย ห้องที่จัดโชว์อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม เป็นห้องSuiteขนาดใหญ่ เมื่อเข้าไปภายในมีการซอยเป็นห้องย่อยอีกสี่ห้าห้อง ทางB&Wจะจัดให้เดินวนไปทางเดียวในแต่ละห้องเพื่อให้ผู้เข้าชมได้ชมทุกห้องพร้อมคำอธิบาย เริ่มตั้งแต่ห้องที่เป็น2แชลแนล ขยับไปห้องhome theaterขนาดเล็ก จนไปถึงห้องhome theaterที่ใช้ลำโพงรุ่นใหญ่สุด CT series จัดวางในระบบdolby atmos แน่นอนเสียงที่ได้จากSeriesนี้ให้ความยิ่งใหญ่ โอ่โถง มีเนื้อเสียงที่ดี ฟังแล้วได้อารมณ์ร่วมไปกับภาพยนตร์ได้ดีเลย เมื่อเสร็จจากห้องใหญ่สุดบริเวณนั่งเล่นด้านหน้าห้องก็จะมีอาหารเครื่องดื่มบริการผู้มาเข้าร่วมชมอย่างจุใจ ใครอยากกินอะไร อยากดื่มอะไรได้หมด โดยรอบของห้องก็จะมีลำโพงB&W ตัวดังๆวางอยู่ให้ได้ดูกันอย่างใกล้ชิด เท่านั้นไม่พอหลังจากเสร็จแล้วจะกลับก็จะมีของที่ระลึกแจกให้อีกมากมายนับว่าการได้มาเยี่ยมชมการแสดงสินค้าของB&Wข้างนอกงานCEDIAในครั้งนี้ได้ความประทับใจกลับไป จากทั้งเสียงของลำโพงและการต้อนรับที่ดี






เหล่านี้แค่เป็นตัวอย่างเล็กๆน้อยๆจากการได้ไปเยี่ยมชมงานCEDIA EXPO2018 ที่เมืองSan Diegoประเทศสหรัฐอเมริกา ความจริงแล้วในงานยังมีสินค้าที่นำมาแสดงอีกมากมายหลายอย่างหลายประเภทที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกสบายภายในบ้าน ครั้นจะเอามาเล่าให้หมดคงไม่ไหว เลยเอารูปเท่าที่เก็บได้มาฝากให้ผู้อ่านได้บรรยากาศงานครั้งนี้ งานซึ่งผมถือว่าเป็นงานแสดงเฉพาะทางด้านhome theaterที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีให้เลือกทั้งด้านความรู้ ความบันเทิง ประสบการณ์จากผู้ชำนาญการ จากบริษัทเครื่องเสียงต่างๆ รวมถึงได้สัมผัสห้องhome theaterที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ มีภาพสวย มีเสียงดีระดับโลกหลายสิบห้องมาให้ได้ชมกันในที่เดียว นอกจากนี้ก็จะได้พบกับเซเลปของวงการhome theaterที่ปกติจะเห็นอยู่แต่ในสื่อต่างๆ ก็จะมารวมตัวกันในงานนี้ ยังไงถ้าใครเป็นคอhome theaterแบบจริงจังควรหาโอกาสมาสัมผัสให้ได้สักครั้งหนึ่งขอแนะนำเลยครับ

















