Review

Search

Epson CO-FH02

CO-FH02เป็นสมาร์ทโปรเจคเตอร์ตัวใหม่จากEpson จากชื่อรุ่นคำว่าCOนั้นก็มาจากCross Over model เนื่องจากถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้ในหลากหลายสถานการณ์ ทั้งการใช้งานเพื่อความบันเทิงในบ้าน ดูหนัง ดูstreaming ดูcontent เล่นเกม หรือการใช้งานที่สำนักงานเพื่อนำเสนอผลงาน แสดงสินค้า รวมถึงใช้งานในการท่องเที่ยว จัดแสดงนิทรรศการ งานOutdoorต่างๆ วันนี้ลองมาดูกันว่าโปรเจคเตอร์ตัวเล็กตัวนี้น่าสนใจขนาดไหน

กล่องของโปรเจคเตอร์ก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่เนื่องจากตัวโปรเจคเตอร์มีขนาดเล็ก

แกะกล่องออกมาก็สามารถถือออกมาได้โดยมือข้างเดียว โปรเจคเตอร์ขนาดไม่ใหญ่ มีน้ำหนักเบา โดยตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 21.1x32x8.2 cm. และน้ำหนักแค่ 2.6Kg เท่านั้น

Epson CO-FH02เป็นโปรเจคเตอร์ความละเอียดระดับ Full HD สามารถแสดงรายละเอียดได้ในระดับ 1920x1080pixels ใช้เทคโนโลยีการกำเนิดภาพแบบ 3chip LCD ให้ความสว่างสูงสุด 3,000lumens ราคาตั้งอยู่ที่ 22,900บาท รับประกันยาวนานถึง 2ปี ส่วนรายละเอียดอื่นๆก็สามารถอ่านได้จากตารางนี้ได้เลย

อุปกรณ์ที่ให้มาก็มีรีโมทเพื่อควบคุมโปรเจคเตอร์หนึ่งตัวและอีกตัวเป็นรีโมทที่ใช้สำหรับAndroid TV

ตัวเครื่องติดตั้งChromecastในตัว สามารถcastข้อมูลcontentsต่างๆจากมือถือไปยังเครื่องโปรเจคเตอร์ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นก็เป็นandroidTVที่ใส่Dongle Android TVพร้อมต่อสายมาให้เรียบร้อย โดยportเชื่อมต่อมีมาให้สามช่อง ช่องเชื่อมต่อHDMI ช่องServiceเพื่อใช้ในการupdate firmware,เชื่อมต่อเครื่องกับคอมพิวเตอร์ และช่องUSB DC outเพื่อต่อไฟเลี้ยงเข้าDongle หรือใช้เชื่อมต่อกับกล้อง,USB flash driveต่างๆ

ตัวเครื่องถูกออกแบบมาเป็นMinimalistic design ด้านบนมีลำโพงขนาด5W กระจายเสียงรอบทิศทางเพื่อให้สามารถได้ยินเสียงรอบตัวโปรเจคเตอร์ แต่ถ้าต้องการเชื่อมต่อกับลำโพงหรือระบบเสียงที่ใหญ่กว่านี้ตัวเครื่องก็สามารถส่งข้อมูลBluetoothเชื่อมต่อไปยังexternal speakersหรือชุดเครื่องเสียงที่รองรับBluetoothได้

โดยการเชื่อมต่อก็เข้าไปในandroid settingของเครื่อง เลือกRemotes & Accessories, Add accessory แล้วทำการpairingกับspeakerที่เปิดparing ก็จะสามารถจับคู่กับลำโพงได้เหมือนการpairingลำโพงBluetoothทั่วไป ผมลองทำดูแล้วไม่ยุ่งยากอะไร

ด้านหน้ามีรูปร่างโค้งมน มีเลนส์อยู่ฝั่งขวา ตรงกลางด้านล่างมีปุ่มเมื่อดันขึ้นก็จะมีแกนออกมา สามารถปรับแกนนี้เพื่อให้เครื่องเงยขึ้นตามต้องการได้

ด้านหลังมีช่องต่อสายไฟ สลักเปิดฝาด้านข้าง และช่องสำหรับสอดสายHDMIเข้าเครื่อง

รีโมทมากับเครื่องมีสองตัว ตัวสีขาวใช้ควบคุมโปรเจคเตอร์ ส่วนตัวสีดำใช้ควบคุมAndroid TVซึ่งนอกจากจะมีปุ่มลัดไปYouTube NETFLIX Google Playแล้ว ก็จะมีช่องไมค์สำหรับใช้เสียงในการสั่งงานAndroid TV ทำให้ใช้งานได้คล่องตัว สะดวกมากขึ้น

การทดสอบได้วางเครื่องไว้ด้านหน้าจอภาพห่างประมาณ 2.6เมตร ฉายขึ้นจอภาพได้ขนาดของภาพอยู่ที่ร้อยกว่านิ้ว เครื่องมือในการทดสอบภาพก็ใช้ชุดเดิมได้แก่Spectrophotometer Jetiรุ่นspectraval และColorimeter Klein K-10A ใช้Murideo Seven-G 8Kเป็นPattern Generator โปรแกรมที่ใช้ทดสอบเป็นPVA,isf CalMAN Video Pro

กราฟSPDแสดงการเป็นแหล่งกำเนิดแสงแบบlamp-baseชนิด3chip LCD เมื่อวัดความสว่างในpicture modeได้ค่าความสว่างดังนี้ Dynamic=43.8fL, Natural=30.1fL, Vivid=28.5fL, Cinema=28.0fL และพบว่าค่าสีของNaturalให้ค่าใกล้เคียงมาตรฐานมากกว่าCinema picture mode

เลยใช้Natural picture modeเป็นตัวเริ่มในการfinal calibration รายละเอียดการตั้งค่าอยู่ในกราฟนี้แล้ว ซึ่งหลังจากทำการcalibrationแล้วจะเห็นได้ว่าถึงแม้จะเป็นโปรเจคเตอร์ที่ตัวเล็กแต่ค่าสีที่ออกมานั้นอยู่ในระดับdeltaEเฉลี่ยต่ำกว่าสอง ยกเว้นสีแดงที่ 100IRE จะมีความเพี้ยนอยู่ ซึ่งถ้าทำการตั้งให้สีแดงที่100IREมีความเพี้ยนน้อยกว่านี้ก็จะทำให้สีแดงที่มีIREต่ำกว่านี้มีความเพี้ยนมากขึ้นและสูญเสียความเป็นlinearityของสีแดงลงไป

ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะยอมให้สีแดงใน100IREมีความเพี้ยน แต่คงไว้ซึ่งความถูกต้องของสีแดงที่ต่ำกว่านี้ ถ้าจะว่ากันไปแล้วสีแดงที่เข้มระดับ100IREนั้นในภาพยนตร์จริงๆจะมีอยู่น้อย ส่วนมากก็จะเป็นพวกหนังanimationที่ใส่สีแดงมาเข้มเกินจริง หรือสีที่อยู่ในธรรมชาติก็น้อยที่จะเป็นสีเข้มระดับนี้ และเมื่อดูภาพของจริงหลังจากcalibrationแล้ว พบว่าภาพโดยรวมดีขึ้นกว่าไม่ได้calibrationอย่างมาก ก็ทำให้แปลกใจเล็กๆอยู่ว่าเดี่ยวนี้โปรเจคเตอร์ระดับราคาentry levelสามารถทำความถูกต้องของสีได้ระดับนี้แล้วหรือนี่

ดูภาพจากที่ถ่ายหน้าจอจริงๆของโปรเจคเตอร์Epson CO-FH02 ต้องบอกว่าภาพเกิดคาดมาก อาจเพราะได้เปรียบในเรื่องความสว่างที่สูงกว่า 3000lumens และใช้เทคโนโลยี3chip LCDทำให้ภาพมีความเคลียร์ สีสันสดสวยดูเป็นธรรมชาติ ความดำถึงแม้ไม่ได้ดำสุดๆเหมือนโปรเจคเตอร์ระดับโปรราคาหลายแสน แต่คอนทราสต์ระดับนี้ถือได้ว่าทำได้ดีทีเดียวเมื่อเทียบกับเครื่องในยุคก่อนซักสี่ห้าปีที่ภาพจะออกเทาๆแทนที่จะเป็นสีดำ รายละเอียดถึงแม้จะเป็นFull HDแต่ความคมชัดก็ถือได้ว่าไม่ทำให้รู้สึกถึงความไม่คมแต่อย่างไร รายละเอียดต่างๆในภาพมาครบ โดยยังคงไว้กับสีที่เที่ยงตรง

ทดสอบการดูหนังดูcontentsผ่านทางChromecast built-in และ Android TV Dongle พบว่าให้ความลื่นไหล ไม่ยุ่งยาก สะดวกสบาย สมกับเป็นsmart projector ส่วนคุณภาพของภาพก็ถือได้ว่าใช้ได้เลยทีเดียว ยิ่งได้calibrateภาพแล้วทำให้โทนสีของภาพยนตร์ดูดีขึ้นมาก นั่งทดสอบดูไปเพลินไปเลยครับงานนี้

ด้วยน้ำหนักเบา ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก ไม่ต้องต่อสายวุ่นวาย แค่มีสัญญาณinternetไปถึงก็เพลิดเพลินได้ ผมลองยกไปติดตั้งตามสถานที่ต่างๆก็สะดวกดี อย่างในภาพ ยกไปดูในห้องอีกห้อง ฉายไปยังผนังคอนกรีตทาสีครีม สิ่งแวดล้อมที่มีแสงจากหน้าต่าง ภาพออกมาก็ยังได้อยู่ คอนคราสต์ยังดีไม่ถูกwash outจนสีซีด นี่แหละครับโปรเจคเตอร์ที่สว่างจะได้เปรียบตรงนี้

หลังจากได้ทดลองใช้โปรเจคเตอร์Epson CO-FH02 ต้องบอกว่าเป็นโปรเจคเตอร์ที่สามารถทำงานได้ดีทั้งในส่วนการทำงานและในส่วนบันเทิง การใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก การเปิด ปิดเครื่องรวดเร็วไม่กี่วินาทีก็เรียบร้อย สามารถติดตั้งได้หลายรูปแบบมีChromecastในตัวและAndroid TV dongle รวมถึงสามารถเชื่อต่อสัญญาณBluetoothกับอุปกรณ์เสียงภายนอกได้ เป็นโปรเจคเตอร์ที่ให้ความสว่างสูง ร่วมกับการใช้เทคโนโลยี3LCDทำให้คุณภาพของภาพที่ออกมาสวยงาม กับราคาสองหมื่นต้นๆพร้อมรับประกันอีกสองปี นับว่าโปรเจคเตอร์นี้เป็นโปรเจคเตอร์ที่ตัวเล็กแต่คุณภาพกลับไม่ได้เล็กตามตัวเลย ใครสนใจแนะนำลองหาทดสอบคุณภาพตัวจริงดูได้ ต้องขอขอบคุณทางบริษัทEpson Thailandที่ส่งโปรเจคเตอร์ CO-FH02ตัวนี้มาให้ทดสอบด้วยครับ

Facebook
Twitter
Email
ดาวน์โหลดบทความ Epson CO-FH02 (PDF)
Picture of ทพ. พงศ์ทิพจักร์ เชื้อเจ็ดองค์

ทพ. พงศ์ทิพจักร์ เชื้อเจ็ดองค์

หมอเอก หมอฟันผู้มีความหลงไหลชื่นชอบในเรื่องHometheater/Homecinema ด้วยความสนใจใคร่รู้ว่าเสียงและภาพในห้อง Hometheater จริง ๆ แล้วควรจะเป็นอย่างไร เลยลงทุนไปเรียนหลายสถาบันทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น THX, HAA, ISF, CEDIA, PVA, Meyer Sound Training, Smaart Training นอกจากนี้ก็เคยเข้าไปสัมผัสห้องสตูดิโอ และโรงภาพยนตร์ระดับมาตรฐานของโลกหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น Stag theater, Kurasawa Dubbing Stage, Skywalker Sound Studio ของ Lucasfilm/ Pearson Theater,Bear’s Labของ Meyer Sound/ Dolby Cinema™ โดยความรู้และประสบการณ์ที่ได้มานั้นก็ได้นำมาเขียนเป็นบทความลงนิตยสาร และทำสื่อมัลติมีเดียออนไลน์เป็นเวลาหลายปี ตอนนี้ก็ได้นำบทความสื่อต่าง ๆ รวมถึงบทความใหม่ ๆ คลิปวิดีโอใหม่ ๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคตมารวบรวมกันไว้ที่ website นี้ เพื่อให้ใครที่สนใจในเรื่องของ Hometheater เอาไว้เสริมความรู้ และเผื่อสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ที่อาจจะพบเจอในการเล่นเครื่องเสียงของแต่ละท่านได้