Review

Search

Pioneer UDP-LX500

หมอเอก

ถ้าพูดถึงเครื่องเล่นแผ่น Ultra HD Blu-ray Playerหรือบางท่านก็เรียกว่าเครื่องเล่นแผ่น 4K ในปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่รุ่นไม่กี่ยี่ห้อที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาด สืบเนื่องจากการลดตัวลงของตลาดแผ่นหนัง และผู้คนไปเล่นในลักษณะSteaming หรือไฟล์เป็นส่วนมาก ถ้าจะเลือกซื้อเครื่องเล่นแผ่น4Kมาใช้งานก็ทำให้คิดหนักขึ้น จะไปเลือกตัวที่ดีแบบสุดๆก็กลัวว่าจะแพงไปซื้อมาแล้วใช้งานไม่คุ้ม หรือจะซื้อในราคาถูกหน่อยก็กลัวว่าคุณภาพก็จะลดลงมากเกินไป วันนี้ผมเลยเอาเครื่องเล่น 4K Blu-rayของPioneer รุ่น UDP-LX500 ที่ขายอยู่ในสนนราคาประมาณ 30,000บาท +- มาเล่าให้ฟังหลังจากได้ทดสอบเครื่องเล่นนี้เป็นเวลาเกือบสองเดือน ใครสนใจเครื่องเล่นตัวอยู่และกำลังตัดสินใจในการหาซื้อเครื่องเล่น 4K Ultra HD Blu-ray Playerสามารถติดตามอ่านได้เลยครับ

รูปที่1 กล่อง Pioneer UDP-LX 500 พร้อมทำการทดสอบ
รูปที่ 2 อุปกรณ์ที่อยู่ในกล่อง

ความจริงแล้วถ้าจำกันได้ผมเคยทดสอบเครื่องเล่นUltra HD Blu-ray PlayerของPioneerที่เป็นตัวTopก็คือรุ่น LX800ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเครื่องเล่นตัวนั้นถือว่าเป็นเครื่องเล่นแผ่น 4K ที่ดีที่สุดในปัจจุบันของPioneer ราคาจำหน่ายตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 60,000บาท +- เรียกได้ว่าทั้งวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ functionการใช้งานใส่กันมาแบบจัดเต็มสมราคา ซึ่งถ้าใครสนใจในรายละเอียดสามารถหาอ่านได้จากวารสารเล่มเก่าๆหรือช่องทางออนไลน์ของทางนิตยสารAudiophile/Videophileดูได้ แต่ปัญหาคืองบประมาณขนาดนี้สำหรับนักเล่นบางท่านอาจจะคิดว่าสูงเกินไป แผ่นที่สะสมไว้ก็ไม่ได้มีมากมาย และในอนาคตก็ไม่ได้คิดว่าจะเก็บในmediaรูปแบบแผ่นเป็นหลัก การลงทุนในระดับราคาสูงขนาดนี้ก็มองแล้วอาจจะไม่คุ้ม เลยหันไปมองรุ่นที่รองลงมาแต่ยังให้คุณภาพของทั้งภาพและเสียงใกล้เคียงกับรุ่นTopอยู่ ก็นับว่าเครื่องPioneer UDP LX500เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสุดในconditionแบบนี้คราวนี้ผมจะมาลองเทียบกันให้เห็นว่าระหว่าง Pioneer UDP LX500และ Pioneer UDP LX800 มีจุดไหนบ้างที่แตกต่างกัน และประสิทธิภาพที่ออกมานั้นต่างกันไปมากหรือเปล่า

รูปที่3 สภาพด้านหน้าของเครื่อง Pioneer UDP LX500
รูปที่4 ภาพด้านข้าง
รูปที่5 ช่องต่อต่างๆด้านหลังเครื่อง
รุปที่6 ภาพเปรียบเทียบระหว่าง Pioneer UDP LX500 และ Pioneer UDP LX800ที่เคยทดสอบไปแล้ว

ลักษณะภายนอกของเครื่อง Pioneer UDP LX500 มีขนาด W x H x Dอยู่ที่ 435 x 118 x 337 mm หนัก 10.3 kg เรียกได้ว่ามีขนาดและหนักกว่าเครื่องเล่น Blu-rayราคาหลักพันบาทอยู่เยอะเลยคงเพราะอุปกรณ์ที่ใส่เข้ามาในเครื่องนั้นเรียกได้ว่าเต็มพิกัด รวมถึงโครงสร้างของตัวเครื่องใช้แบบDouble-Layered Chassisเสริมด้วยแผ่นเหล็กหน้า 3 mm เพิ่มความแข็งแรงและลดจุดศูนย์ถ่วงของเครื่องให้อยู่ต่ำเพื่อความมั่นคงเวลาเล่นแผ่น อุปกรณ์ภายในเครื่องแยกออกเป็น3ส่วนอย่างชัดเจนได้แก่ Power Supply , ตัวDrive/Digital Processing และส่วนของAnalogue Audio โดยมีการแยกMain Circuit Boardออกเป็น 6ชั้นด้วยกันเพื่อลดการกวนกันของสัญญาณ เพิ่มSignal/Noise Ratioให้สูงสุด

รูปที่7 อุปกรณ์ภายในเครื่องแยกออกเป็น3ส่วนเพื่อลดการรบกวนกันของสัญญาณ
รูปที่8 Main Circuit Board

ช่องต่อต่างๆก็จะมี HDMI Out 2ช่องทำให้สามารถแยกช่องการต่อระหว่างส่วนของภาพและเสียงออกจากกันสำหรับนักเล่นที่seriousกับเรื่องการกวนกันของสัญญาณไฟฟ้าระหว่างสัญญาณภาพและสัญญาณเสียง มีDigital Coaxial OutและDigital Optical Out อย่างละหนึ่งชุด สำหรับ USB ให้มาสองช่องด้านหน้าเครื่องหนึ่งช่องด้านหลังเครื่องอีกหนึ่งช่อง มีช่องAnalogue Audio Out(Unbalanced)เพื่อนำสัญญาณเสียงออกมาเป็นRCA ซ้าย ขวา เพื่อประสิทธิภาพการส่งสัญญาณสูงก็จะมีZero Signal Termimalลดความต่างศักย์ระหว่างเครื่องเพื่อนำไปต่อกับช่องRCAช่องไหนก็ได้ของเครื่อง AVR/Pre Processor นอกจากนั้นก็จะมีช่อง Ethernet และRS-232C เพื่อต่อกับnetworkและอุปกรณ์ควบคุมภายนอกต่างๆ

รูปที่9 ช่องต่อต่างๆด้านหลัง

เช่นเดียวกับ Universal Disc Player รุ่นtop UDP-LX800 ที่ UDP-LX500 สามารถเล่นแผ่นที่เป็น BD-ROM, DVD-ROM, DVD+R, DVD-A, Audio CD, SACD, USB Memory/HDDในformatไฟล์บางชนิดได้ สำหรับจุดเด่นในด้านวิดีโอก็คือ สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ภาพแบบSDR หรือHDRเพื่อให้เหมาะสมกับจอภาพที่ใช้ รองรับระบบHDR10, Dolby Vision และถ้าทำการUpdate Firmwareตัวใหม่ล่าสุดก็จะสามารถรองรับภาพแบบ HDR10+ด้วย ในเรื่องของbit deep colorรองรับสูงสุดได้ถึง32-bit ส่วนในเรื่องของเสียงจะเกิดJitterของเสียงขึ้นน้อยที่สุดถ้าทำการเชื่อมต่อสายHDMIกับเครื่องAV receiverที่รองรับระบบ PQLS(Precision Quartz Lock System) เพื่อกำจัดความผิดเพี้ยนของเสียงเนื่องจากtiming errorsในระบบดิจิตอล ภายนอกที่แตกต่างหลักๆจากรุ่นพี่ใหญ่ UDP-LX800 คือเรื่องของ analogue audio outputที่ UDP-LX500 จะมีแต่ช่องRCAแบบ unbalancedไม่มีช่อง balanced XLR ส่วนDACภายใน UDP-LX800จะใช้เบอร์ES9026 PRO DACs ส่วนUDP-LX500จะเป็น AKM AK4490EQแทน

รูปที่10 ต่อกับเครื่องAV receiverที่รองรับระบบ PQLS(Precision Quartz Lock System)เพื่อลดความผิดเพี้ยนของเสียงเนื่องจากtiming errors

หลังจากทำการเชื่อมต่อสายทั้งหมดและลองใช้งาน เมื่อกดปุ่มejectเพื่อtrayใส่แผ่นเข้าไป การเปิดปิดไม่ได้มีเสียงดัง ให้ความsmooth นุ่มนวล เช่นเดียวกับเครื่องเล่นแผ่นราคาแพงทั้งหลาย ระยะเวลาในการloadหนังก่อนเข้าเมนูก็รวดเร็วเท่าที่จับเวลาดูก็แทบจะไม่ต่างกับเครื่องรุ่นเรือธงอย่างUDP-LX800 ในส่วนของเรื่องภาพ ภาพที่ได้จาก UDP-LX500 เท่าที่ทดสอบกับหนังหลายๆเรื่องพบว่าแนวภาพจะออกแนว คมชัด สดใส รายละเอียดดี ดูเป็นธรรมชาติสบายตา การเคลื่อนไหวของภาพให้ความsmooth ต่อเนื่องเท่าที่เห็นจะเป็นรองตัว UDP-LX800แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่จอที่ผมใช้ทดสอบนั้นมีขนาด 150นิ้ว แบบ 2.35:1 จึงทำให้เห็นความแตกต่างของภาพกับรุ่นใหญ่อยู่บ้าง ซึ่งถ้าเป็นระบบที่ไม่ใหญ่มาก จอภาพขนาดเล็กลงมาผมว่าจับความแตกต่างได้ยากละครับระหว่างรุ่นเล็กกับรุ่นใหญ่ ส่วนเรื่องของเสียงแนวเสียงก็จะเป็นแบบให้รายละเอียดของเสียงต่างๆได้ดี น้ำหนักเสียงมีความใหญ่ หนักแน่น การโยนเสียงในระบบimmersive soundทำได้ยอดเยี่ยม เรียกได้ว่าถ้าเทียบกับเครื่องเล่นแผ่นในระดับเริ่มต้นราคาไม่กี่พันบาทนั้น UDP-LX500ให้ทั้งภาพและเสียงดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน ส่วนถ้าเปรียบเทียบกับรุ่นใหญ่ UDP-LX800 ผมว่ารุ่นใหญ่จะได้เปรียบเล็กน้อยก็คือการเอามาใช้ฟังเพลงแบบ 2 แชลแนล เนื่องจากมีการจัดการระบบไฟทั้งภาคAnalogue และ Digital ได้ดีกว่า แต่ถ้าไม่ฟังแบบจริงจัง หรือตั้งใจฟังนั้นแยกกันยากโดยเฉพาะฟังจากภาพยนตร์ระบบ multi channels

รูปที่11 ทำการทดสอบภาพและเสียงจริงๆในห้องฟัง
รูปที่12 รายละเอียดของภาพทำได้ดี
รูปที่13 สีสันที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ

โดยสรุปแล้วผมว่าในสถานการณ์ปัจจุบันที่เครื่องเล่นแผ่นมีตัวเลือกค่อนข้างน้อย เนื่องจากความนิยมในการเล่นภาพยนตร์จากแผ่นนั้นลดลง การที่จะเลือกเครื่องเล่นที่มีราคาสูงนั้นทำให้ผู้บริโภคที่ไม่ได้มีระบบใหญ่มากคิดหนัก ถ้าซื้อเครื่องราคาสูง แน่นอนว่าเครื่องที่เป็นรุ่นใหญ่ๆแพงๆทั้งคุณภาพของเครื่อง คุณภาพของภาพและเสียงที่ออกมานั้นดีแน่นอน แต่อย่างที่ผมบอกไว้ว่าถ้าในระบบไม่ใหญ่เกินไปการแยกความแตกต่างในการดูปกติทั่วไปนั้นเป็นไปได้ยาก ดังนั้นการตัดสินใจซื้อเครื่องเล่นที่ราคาถูกลงเกือบเท่าตัว แต่ยังคงให้คุณภาพของภาพและเสียงใกล้เคียงกับเครื่องราคาแพงๆนั้นจึงน่าสนใจกับแนวคิดนี้ ซึ่งถ้าใครกำลังมองหาเครื่องเล่นUltra HD Blu-ray Player ที่อยู่ในราคาพอจ่ายได้ แต่ยังให้คุณภาพของภาพและเสียงที่ออกมาอยู่ในระดับดีมาก ผมว่า Pioneer LX500 เป็นเครื่องเล่นที่น่าสนใจมากที่สุดในตลาดตัวหนึ่งในขณะนี้ครับ

Facebook
Twitter
Email
ดาวน์โหลดบทความ Pioneer UDP-LX500 (PDF)
Picture of ทพ. พงศ์ทิพจักร์ เชื้อเจ็ดองค์

ทพ. พงศ์ทิพจักร์ เชื้อเจ็ดองค์

หมอเอก หมอฟันผู้มีความหลงไหลชื่นชอบในเรื่องHometheater/Homecinema ด้วยความสนใจใคร่รู้ว่าเสียงและภาพในห้อง Hometheater จริง ๆ แล้วควรจะเป็นอย่างไร เลยลงทุนไปเรียนหลายสถาบันทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น THX, HAA, ISF, CEDIA, PVA, Meyer Sound Training, Smaart Training นอกจากนี้ก็เคยเข้าไปสัมผัสห้องสตูดิโอ และโรงภาพยนตร์ระดับมาตรฐานของโลกหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น Stag theater, Kurasawa Dubbing Stage, Skywalker Sound Studio ของ Lucasfilm/ Pearson Theater,Bear’s Labของ Meyer Sound/ Dolby Cinema™ โดยความรู้และประสบการณ์ที่ได้มานั้นก็ได้นำมาเขียนเป็นบทความลงนิตยสาร และทำสื่อมัลติมีเดียออนไลน์เป็นเวลาหลายปี ตอนนี้ก็ได้นำบทความสื่อต่าง ๆ รวมถึงบทความใหม่ ๆ คลิปวิดีโอใหม่ ๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคตมารวบรวมกันไว้ที่ website นี้ เพื่อให้ใครที่สนใจในเรื่องของ Hometheater เอาไว้เสริมความรู้ และเผื่อสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ที่อาจจะพบเจอในการเล่นเครื่องเสียงของแต่ละท่านได้