เป็นแผ่น4K UHDที่ใช้ในการปรับภาพและเสียง โดยทางผู้ผลิตStacey Spears และDon Munsilกล่าวไว้ว่าในรุ่นปี2023นี้มีการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเพื่อให้มีความเหมาะสมกับเทคโนโลยีด้านภาพที่พัฒนามากขึ้นในปัจจุบัน วันนี้ลองมาดูกันว่าSpears & Munsil Benchmark2023 แผ่นนี้มีอะไรเจ๋งๆบ้าง
Spears & Munsilมีการพัฒนาแผ่นเพื่อช่วยในการปรับภาพตั้งแต่ปี 2008จนถึงปัจจุบัน มีออกมาหลายแผ่นหลายversionตั้งแต่รุ่นแรกที่เป็นแผ่นBlu-ray ส่วนผมก็มีเก็บไว้ตั้งแต่2nd editionซึ่งก็จะคล้ายๆกับแผ่นแรกที่ออกมา โดยทางบริษัทได้บอกว่าแผ่นเหล่านี้ได้ถูกใช้ในอุตสาหกรรมด้านภาพและเสียง ทั้งจากคนทำภาพยนตร์ การผลิตจอภาพ การผลิตเครื่องเล่น จนไปถึงสื่ออย่างเช่นThe New York Timesก็แนะนำแผ่นเหล่านี้เพื่อใช้ในการทดสอบและอ้างอิงภาพ
Spears & Munsil Benchmark (2023) ราคาอยู่ที่ประมาณสองพันบาท ในชุดประกอบด้วยแผ่น Ultra HD อยู่สามแผ่นซึ่งจะแตกต่างจากรุ่นเดิมที่ปกติจะมีแค่แผ่นเดียว นอกจากนั้นก็จะมีแว่นตาสีน้ำเงิน และคู่มือการใช้งานอีกหนึ่งเล่มรวมมาอยู่ในกล่อง
โดยแผ่นในรุ่นปี 2023นี้มีหลายอย่างใหม่เข้ามา เด่นๆก็จะมีในเรื่องของไฟล์ทดสอบต่างๆ ที่จากรุ่นเดิมจะมีอยู่ราวๆ 1200ไฟล์ แต่รุ่นใหม่จะมีpatternsและไฟล์ทดสอบต่างๆอยู่กว่า 5000ไฟล์
รุ่นก่อนหน้านี้จะมีแต่HDR10 ส่วนแผ่นใหม่นี้จะรองรับทั้งHDR10, HDR10+ และDolby Vision
ไฟล์ทดสอบเสียงอันเก่าจะมีแต่เสียงใช้ในการทำAV Syncเพื่อปรับให้ภาพกับเสียงตรงกัน แต่รุ่นใหม่นี้มีไฟล์ทดสอบเสียงtest toneทั้งDolby Atmos, DTS X ตั้งแต่ 5.1.2จนไปถึง 9.1.6 ที่มีbaseแชนแนล9.1และลำโพงheightแชนแนลหรือลำโพงบนเพดานอีก6ตัว
จำนวนแผ่นที่เพิ่มจากเดิมแค่แผ่นเดียว100GBเป็นสามแผ่น ความจุของข้อมูลรวมกว่า 266GB
เพิ่มหน้าต่างpop upช่วยเหลือ เมื่อกดปุ่มลูกศรลงบนรีโมทเครื่องเล่น โดยหน้าต่างpop upจะมีTipsอธิบายว่าpatternนี้ใช้ทำอะไร ดูยังไง ปรับแล้วเกิดอะไรขึ้น ทำให้สะดวกรวดเร็วไม่ต้องไปเปิดหาอ่านจากในคู่มือ
มีpatternsที่เป็น59.94frame rateด้วย จากเดิมที่ไม่เคยมี
นอกจากนั้นก็มีpatternที่ใช้ทดสอบเรื่องของความสว่าง เรื่องของpixel ทั้งในจอทีวีแบบต่างๆและจอโปรเจคเตอร์อีกหลายอย่าง
มาเริ่มไล่ดูทีละแผ่นว่าแต่ละแผ่นมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เริ่มจากแผ่นแรก เมนูแรกที่จะเจอก็คือหน้าconfigurationที่ให้เลือกระบบภาพและเสียงว่าต้องการดูpatternในรูปแบบไหน จะสังเกตเห็นได้ว่ารองรับระบบภาพทั้งDolby Vision, HDR10+, HDR10 ระบบเสียงก็จะมีให้เลือกได้ทั้งDolby Atmos, DTS:Xแบบต่างๆ ความสว่างสูงสุดของภาพต้องการตั้งไว้ที่กี่nitก็เลือกได้
เมื่อเลือกระบบภาพเสียงที่ต้องการเสร็จก็มาเลือกเมนูที่ต้องการ อย่างในภาพนี้เลือกเป็นระบบHDR10ที่จะสังเกตเห็นได้จากข้อมูลด้านล่างด้านซ้ายของจอ จากนั้นเข้าไปในเมนูVideo Setup เลือกpatternตามต้องการ ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งpatternพื้นฐาน pattern advancedแบบต่างๆ
อย่างในภาพนี้เป็นการเลือกpatternที่ใช้ปรับcontrast อย่างที่บอกเมื่อกดปุ่มลูกศรลงในรีโมทเครื่องเล่น pop up helpก็จะขึ้นมาอธิบาย ตรงนี้ต้องแนะนำทริคในการใช้รีโมทสำหรับแผ่น Spears & Munsil Benchmark (2023)นิดหนึ่ง เนื่องจากคนทำได้ตั้งไว้ว่า ถ้ากดลูกศรลงก็จะเป็นpod up help, ถ้ากดลูกศรด้านขวาก็จะเป็นการเลือกpatternต่อไป กดปุ่มลูกศรด้านซ้ายก็จะไปpatternก่อนหน้า และถ้ากดลูกศรขึ้นก็จะทำให้สามารถเลือกระบบภาพ ระบบเสียง หรือความสว่างสูงสุดของpatternนั้นได้เลยไม่ต้องออกไปหน้าเมนูconfigurationเริ่มต้นอีก ทำให้สะดวกรวดเร็วในการใช้งานขึ้นอีกมาก
Pattern A/V Syncเพื่อปรับภาพกับเสียงให้ตรงกันก็จะมีเมนูให้เลือกเพิ่มมากขึ้นกว่าแผ่นเดิม ทั้งresolutionว่าเป็นHD หรือUltra HD, framerate เลือกได้ทั้ง 23.976หรือ59.94frame per second รวมถึงรูปแบบpatternsแบบต่างๆก็มีหลายแบบมากขึ้น
เมนูAdvanced Videoก็มีมาให้หลายแบบและละเอียดกว่าแผ่นเดิมมาก สามารถเลือกได้จากแถบสีดำด้านบน โดยแต่ละแถบก็มีหลายหัวข้อให้เลือกอีก
มาถึงแผ่นที่สอง ที่จะเป็นpatternใช้ทดสอบMotion , Skin tones และจะมี Demonstration materialที่เป็นคลิปวิดีโอตัวอย่างเพื่อใช้ในการอ้างอิง
อย่างในpattern Skin tonesก็จะเป็นสีผิวของคนในแต่ละเชื้อชาติ นางแบบแต่ละคนจะไม่มีการแต่งหน้า การถ่ายทางSpears & Munsilแจ้งว่าใช้ไฟkey light 6500องศายิงเข้าทางด้านหน้า เนื่องจากskin tonesถือได้ว่าเป็นmemory colorที่มนุษย์เราจะจำได้ดีและsensitiveต่อความผิดปกติได้ง่ายกว่าสีแบบอื่น patternนี้ก็ใช้ดูว่าสีผิวคนที่จอภาพแสดงออกมานั้นมีความเป็นธรรมชาติ แยกแยะความแตกต่างกันในแต่ละเชื้อชาติได้ไหม มีความสมจริงหรือเปล่า
ในpattern skin tonesจะมีนางแบบหลายคน สามารถเลือกแยกแต่ละคน หรือรวมกันก็ได้ โดยทุกอันจะมีแผ่นcolor checkerวางไว้เพื่อเทียบสี
ใครที่มีแผ่นcolor checkerก็สามารถใช้แผ่นนี้เทียบสีได้เลยว่าจอภาพที่กำลังดูอยู่นั้น สีที่ออกมามีความถูกต้องตรงตามสีบนcolor checkerหรือไม่
วิธีการเทียบก็ไม่ยาก หาไฟที่สามารถปรับอุณหภูมิสีได้ ตั้งไว้ที่ 6500องศาส่องไปที่แผ่นสี แล้วลองเทียบกับสีของcolor checkerจากหน้าจอภาพว่ามีสีเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
Demonstration Materialจะเป็นคลิปวิดีโอเพื่อใช้เป็นตัวอย่างและอ้างอิงภาพในรูปแบบต่างๆหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบSDR หรือระบบHDRแบบDolby Vision, HDR10, HDR10+, Hybrid Log-Gamma รวมไปถึงระบบภาพที่เราอาจจะไม่คุ้นเคยเช่น Advanced HDR by Technicolor
ในระบบภาพHDR10ก็ยังสามารถเลือกได้อีกว่าจะเอาความสว่างสูงสุดภาพเป็นเท่าไหร่ หรือจะให้แสดงผลแบบเปรียบเทียบภาพHDRกับSDR เปรียบเทียบภาพที่Gradingแล้วกับยังไม่ได้Gradingในฉากเดียวกันเลยก็ยังได้
ที่ดีอีกอย่างก็คือสามารถเลือกเป็นHDR Analyzer โดยจะบอกได้ว่าภาพที่ดูอยู่นั้นแต่ละส่วนของภาพมีความสว่างอยู่ที่เท่าไหร่จากหน้าจอย่อยด้านซ้ายบน ส่วนหน้าจอย่อยด้านบนขวาก็จะบอกว่าสีของภาพที่กำลังแสดงอยู่นั้นมีขอบเขตสีอยู่ที่เท่าไหร่เมื่อเทียบกับrec.709, P3, rec 2020 ส่วนจอย่อยด้านล่างขวาก็จะแสดงสีที่เกินจากSDR rec.709นั้นอยู่ตรงไหนของภาพบ้าง
โดยถ้าอยู่ในขอบเขตสีrec.709จะแสดงเป็นสีขาวดำ ส่วนเลยrec.709ก็จะแสดงสีในส่วนนั้นว่ามีตรงไหนของภาพบ้างที่มีสีเกินrec.709
รูปนี้แสดงการเปรียบเทียบส่วนของภาพที่grading แล้วกับยังไม่ได้grading
นอกจากนั้นก็จะมีภาพวิดีโอสวยๆทั้งที่คุ้นตาจากแผ่นเดิม จากYouTube กับคลิปวิดีโอภาพใหม่ๆอีกมากมายหลายภาพ
แผ่นที่สามจะเป็นแผ่นที่ใช้ปรับภาพแบบSDR ทั้งBT.709 หรือ BT.2020 และก็ยังใช้ปรับเสียงในระบบเสียงต่างๆได้อีกทั้ง Dolby Atmos, Dolby TrueHD, DTS:X, DTS-HD MA ที่สามารถรองรับแชนแนลได้ถึง 9.1.6แชนแนล
จะมีpink noiseแบบต่างๆในการปรับเสียงพื้นฐานเช่นlevelsของเสียงในแต่แชนแนล
การPanningของเสียงที่จะมีรูปลูกบอลกลมสีเหลืองเคลื่อนที่ไปตามตำแหน่งเสียงรอบห้อง
Rattle testก็จะปล่อยเสียงความถี่ต่ำเพื่อดูว่ามีส่วนไหนของห้องสั่นบ้าง รวมไปถึงการหาตำแหน่งresonanceที่ไม่เหมาะสมเพื่อช่วยในการติดวัสดุacousticsต่างๆภายในห้อง
เมื่อได้เล่นแผ่น Spears & Munsil 4K Ultra HD Benchmark รุ่นปี 2023 แล้ว ต้องบอกว่าเป็นแผ่นที่สามารถใช้ในการปรับภาพและเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะในเรื่องของภาพที่จะเด่นมาก patternsที่อยู่ในแผ่นมีการปรับปรุงจากรุ่นเดิมหลายอย่าง ทั้งปริมาณและคุณภาพของpatterns เป็นแผ่นที่เหมาะสมกับทั้งมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นปรับภาพจนไปถึงมืออาชีพ รวมถึงนักเล่นhome theaterที่ต้องการภาพคุณภาพสูงเพื่อใช้เป็นภาพอ้างอิงก็สามารถใช้ประโยชน์จากแผ่นนี้ได้อย่างเต็มที่ กับราคาสองพันบาทและช่วงนี้เห็นว่าsaleเหลือหนึ่งพันหกร้อยบาทผมว่าคุ้มค่ามาก เสียแต่ว่ายังไม่มีออกมาแบบstreamingหรือแบบเป็นไฟล์ เพราะว่าตอนนี้เครื่องเล่นแผ่นblu-rayคนเล่นน้อยลงเรื่อยๆ แต่ถ้าใครสนใจแผ่นนี้ก็สามารถเข้าไปซื้อได้ที่websiteของทาง Spears & Munsilได้โดยตรงเลยครับ
