Review

Search

ทดสอบลำโพง M&K

ช่วงเดือนที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสทดสอบลำโพงM&K หรือที่ชื่อเต็มๆว่า Miller & Kreisel ซึ่งถ้าใครเล่นเครื่องเสียงHome theater น่าจะคุ้นเคยกับชื่อลำโพงนี้เป็นอย่างดีเพราะเป็นลำโพงที่นักเล่นหลายคนชื่นชอบในน้ำเสียง และได้ถูกใช้ในห้องระดับDedicated home theaterกันอยู่หลายบ้าน วันนี้มาดูว่าลำโพงรุ่นที่เป็นรุ่นล่าสุด และเป็นรุ่นที่เรียกได้ว่าเป็นรุ่นระดับเรือธงของลำโพงM&Kในขณะนี้ว่าประสิทธิภาพของลำโพงชุดนี้เป็นอย่างไรบ้าง ตามไปอ่านกันได้เลยครับ

ก่อนหน้าที่จะพูดถึงลำโพงชุดนี้ต้องขอพูดถึงประวัติคร่าวๆของลำโพงM&Kซักหน่อยเผื่อบางท่านยังไม่ค่อยทราบถึงที่มาที่ไปของลำโพงยี่ห้อนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ลำโพงM&Kมีจุดเริ่มต้นที่Los Angelesในช่วงยุคปี ค.ศ.70 วิศวกรเสียงKen Kreisel และ Jonas Millerได้สร้างsubwooferแยกออกมาจากลำโพงตัวอื่น เพื่อช่วยในการผลิตเพลง และในปี ค.ศ.1974เขาก็ได้ก่อตั้งบริษัทM&K Sound ที่ผลิตลำโพงคุณภาพสูงเพื่อใช้ในสตูดิโอชั้นนำของHollywood ซึ่งหลังจากนั้นอุตสาหกรรมภาพยนตร์ก็ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว อย่างในปี ค.ศ.1991 George Lucasได้ยกระดับโรงภาพยนตร์และระบบเสียงภายในบ้านเพื่อให้สามารถดูภาพยนตร์ของเขาได้ใกล้เคียงกับภาพและเสียงที่เขาได้ฟังในสตูดิโอที่ใช้สร้างภาพยนตร์ โดยเขาได้สร้างมาตรฐานที่ชื่อว่าTHX เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพของภาพและเสียงให้สูงขึ้น ต่อมาอีกสองปีรูปแบบเสียงDolby Digitalก็ได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นมาตรฐานสำหรับภาพยนตร์Hollywood โดยลำโพงM&K ที่ผลิตออกมาสามารถตอบโจทย์ระบบเสียงหลายช่องสัญญาณแบบนี้ได้ดีมากจึงได้ถูกนำไปให้ในการผลิตภาพยนตร์Hollywoodชื่อดังหลายเรื่องในช่วงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องStar Warsภาคใหม่ทั้งสามภาคที่สร้างในปี ค.ศ.1999 George Lucasก็ได้เลือกใช้ลำโพงM&K soundในการสร้างทั้งสามตอน รวมถึงภาพยนตร์เสียงระดับอ้างอิงอีกเช่น Pirates of The Caribbean, The Lord of The Rings และหนังชื่อดังอีกหลายเรื่องก็ใช้ลำโพงM&Kในการผลิต

ต่อมาในปี ค.ศ.2009 Dolby และ Disney Studioได้ติดตั้งระบบลำโพงM&K SoundในStudioหลักของพวกเขา ซึ่งก็มีสตูดิโอใหญ่อีกหลายแห่งทำตาม นับได้ว่าหลังจากห้าสิบกว่าปีที่ทางลำโพงM&K ได้สร้างSubwooferตัวแรกขึ้น ชื่อเสียงของลำโพงM&K ได้กลายเป็นชื่อที่คุ้นหูในอุตสาหกรรมภาพยนตร์เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นน้ำก็คือการสร้างภาพยนตร์ในสตูดิโอ จนถึงปลายน้ำซึ่งก็คือในโรงภาพยนตร์รวมถึงในห้องHome Theaterที่อยู่ตามบ้าน ดังนั้นก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ใครเข้าวงการHome theaterมา ชื่อของลำโพงสำหรับดูหนังชื่อหนึ่งที่มักได้ยินคนพูดถึงเสมอก็คือลำโพงM&K และในวันนี้ลองมาดูกันว่าลำโพงที่ถูกยกให้เป็นลำโพงระดับเรือธงหรือFlagshipของ M&Kในขณะนี้นั้น จะมีประสิทธิภาพขนาดไหน

สำหรับลำโพงที่ผมได้ทดสอบในครั้งนี้ ลำโพงหน้าMain left center right จะเป็นลำโพงฝังผนังรุ่น IW500 ราคา 200,000บาทต่อตัว ลำโพงSurroundเป็นลำโพงTripole® รุ่นS300Tราคา208,000ต่อคู่ ส่วนลำโพงSubwooferเป็นรุ่นX15+ราคา285,000ต่อตัว โดยลำโพงfrontและsurroundใช้power amplifierของAnthemรุ่นMCA525ที่มีกำลังขับ 225wattsมาขับ คราวนี้มาดูรายละเอียดคร่าวๆของลำโพงแต่ละตัวกัน

เริ่มจากพระเอกของงานนี้ลำโพงM&K IW500 ลำโพงฝังผนังตัวแรกที่ผ่านมาตรฐาน THX® Certified Dominus ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของทาง THX® เป็นการการันตีว่าสามารถใช้ในห้องhome theaterขนาดใหญ่ระดับ 6,500ลูกบาศก์ฟุต หรือคิดง่ายๆก็เป็นห้องที่มีที่จุดนั่งฟังห่างจากจอภาพประมาณหกเมตร ลำโพงถูกออกแบบให้สามารถวางได้ทั้งแนวตั้งเพื่อใช้เป็นลำโพงหน้าซ้าย ขวา และแนวนอนเพื่อใช้เป็นลำโพงcenter จะยึดในbaffle wallหลังจอภาพแบบAT Screen(Acoustic Transparent Screen) หรือวางไว้นอกจอภาพถ้าเป็นจอที่เสียงผ่านไม่ได้อย่างเช่นจอทีวีก็ทำได้ทั้งสองแบบ เป็นลำโพงสามทาง มีความไวอยู่ที่ 92dBทำให้สามารถใช้power amplifierที่มีกำลังการขับอยู่ที่ 100-500wattsขับได้สบาย ทำความดังสูงสุด(maximum SPL)อยู่ที่ 117dB การจัดให้driverวางเรียงกันเป็นเส้นตรงร่วมกับการออกแบบตัวwaveguideของลำโพงtweeter และmidrangeทำให้การตอบสนองความถี่ของลำโพงราบเรียบทั้งในin axis และ off axis ลำโพงtweeterเป็นแบบsoft domeขนาดหนึ่งนิ้ว ลำโพงmidrange มีขนาด3นิ้วสองตัว ตัดความถี่midrangeที่ 800Hz-2500Hz ส่วนลำโพงwooferใช้โคนจากวัสดุcarbon fiberขนาด 8นิ้วสองตัว โดยลำโพงตอบสองความถี่อยู่ที่ 80Hz-20,000Hz มีความเพี้ยนอยู่ในระดับ +/- 1.5dBเท่านั้น

สำหรับลำโพงsubwooferที่ทดสอบจะเป็น M&K X15+ ซึ่งเป็นsubwooferตัวใหญ่ที่สุดในseriesนี้ ซึ่งก็แน่นอนว่ารองรับมาตรฐาน THX® Certified Dominusเช่นกัน จึงมีความเหมาะสมมากที่ใช้ร่วมกับลำโพงIW500 ตัวลำโพงSubwooferใช้ดอกลำโพงขนาด 15นิ้วสองตัว ทำงานร่วมกันแบบPush/Pull เพื่อให้ได้พลังงานมากที่สุดโดยยังมีการตอบสองความถี่ที่ดีอยู่ ใช้power ampขนาด 700watts RMSและpeakที่1400watts สามารถทำความถี่ได้ต่ำสุดถึง 16Hz มีความสูง 83.3cm น้ำหนัก 61.1kg

ตัวsubwooferสามารถเชื่อมต่อได้ทั้งสายbalance XLR และสาย RCA การcontrolสามารถเลือกปรับระดับเสียงได้เอง หรือจะตั้งไว้ที่fixedเพื่อให้ AVR หรือ Pre-proเป็นตัวปรับก็ได้ สามารถปรับphaseเองได้ตั้งแต่ 0-180องศา ปรับlow pass filterได้เองหรือจะให้fixedไว้ที่ 80Hz หรือจะไม่ให้ตัวsubใส่filterเลยก็ได้ สำหรับEQมีให้เลือกทั้งแบบ THXที่ให้เบสที่สูงขึ้นตามมาตรฐานTHX หรือแบบ Anechoic MK EQสำหรับห้องเล็ก หรือห้องที่ใช้ทำเพลงเพื่อให้เสียงความถี่ต่ำไม่ได้ถูกบูสมากเกินไปคล้ายๆในห้องไร้เสียงสะท้อน

ลำโพงSurroundเป็นรุ่น S300T เป็นลำโพง Tripole®  ที่ด้านหน้ามีลำโพงBassและmidrangeขนาด6.5นิ้ว หนึ่งตัว tweeter แบบsoft fabric domeขนาดหนึ่งนิ้วหนึ่งตัว ส่วนด้านข้างทั้งสองข้างเป็นดอกขนาด 3.5นิ้ว ข้างละสองตัว ตัวลำโพงมีน้ำหนัก 12kg ความไวลำโพงอยู่ที่ 89dB สามารถใช้แอมป์ที่มีขนาด25-400wattsขับได้ ตอบสนองความถี่ 80-22,000Hz +/-3dB แน่นอนว่าการใช้การออกแบบแบบเป็น Tripole®  จึงทำให้จัดวางลำโพงทำได้ง่าย สามารถวางได้ทั้งด้านข้างหรือด้านหลังจุดนั่งฟังโดยที่ให้การโอบล้อมของสนามเสียงที่กว้าง ทั้งยังให้พลังงานของเสียงได้เต็มพื้นที่มากกว่าลำโพงแบบDipole

เมื่อทำการติดตั้งอุปกรณ์ทุกอย่างและเช็คเสียงลำโพงว่าระบบทำงานตามปกติ จึงได้เริ่มทำการcalibrate ซึ่งขั้นตอนการทำก็ใช้guidelineของHAAแบบTurbocal

ทั้งยังมีการใช้การขยับลำโพงเพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะสมของทั้งลำโพงทั้งหมด โดยเฉพาะลำโพงSubwoofer ที่จะวางไว้บนดอลลี่แล้วเลื่อนหาตำแหน่งที่ให้frequency responseที่smoothมากที่สุดและมีdipน้อยที่สุดเป็นสำคัญ ซึ่งในที่สุดก็ได้ตำแหน่งลำโพงSubwooferว่าวางไว้ตรงกลางด้านข้างห้องด้านขวาจะดีที่สุด แต่จะพบว่าตำแหน่งที่ 63Hz ยังมีเบสที่มากกว่าปกติอยู่ ซึ่งถ้าใช้ลำโพงSubwooferสองตัว หรือใช้DSP เพื่อปรับEQเพิ่มก็น่าจะแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ไม่ยาก

หลังจากปรับแต่งเสียงทุกอย่างจนเข้าที่เข้าทางแล้วก็ได้เวลาเริ่มทดสอบเสียงจริงกันบ้าง ผมเริ่มจากแผ่นDVDคอนเสิร์ต “อัสนี-วสันต์ 26ปี บ้าหอบฟาง” ถึงแม้แผ่นนี้จะเป็นระบบเสียงเพียงแค่Dolby Digital 5.1ch. แต่ผมว่าระบบเสียงที่อัดมาในแผ่นนี้ทำได้ดีทีเดียว ใครมีแผ่นนี้เก็บไว้ลองหามาฟังกันได้ อย่างเสียงเบสในเพลงกาลเทศะ ช่วงอินโทร เสียงเบสที่ออกมาในลำโพงM&Kชุดนี้ มีความยิ่งใหญ่ ใหญ่แบบว่าเกินตัวลำโพงที่เห็นมาก ส่วนความลึกของเสียงก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม สมแล้วกับที่เป็นลำโพงSubwooferตัวใหญ่สุดที่ได้มาตรฐาน THX® Certified Dominus ของลำโพงM&Kในตอนนี้ ความกระแทกหรือimpactของเสียงทำได้พอดี ไม่รุนแรงเกินไป เพราะลำโพงบางตัวที่ให้impactหนักๆเวลาดูคอนเสิร์ตมักจะแสดงความหนักที่เกินพอดีฟังดูเหมือนไปอยู่หน้าตู้ลำโพงงานวัด ฟังไม่เพราะ ฟังแล้วเหนื่อย หัวใจจะวายแทน ส่วนน้ำเสียงของลำโพงIW500 ต้องบอกว่านี่คือจุดเด่นเลย เสียงออกมามีความสด เปิดโปร่ง ชัดเคลียร์ รายละเอียดความถี่ที่สูงมากก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้หมดจด เสียงหลุดตู้ไปมาก แบบว่าหลุดออกไปมากจริงๆ ปิดไฟฟังเพลงนี่หาตำแหน่งลำโพงแต่ละตัวไม่ออกเลย ส่วนลำโพงSurround S300Tที่เป็นลำโพงแบบTripole® ให้ความโอบล้อมได้ดีมาก ลำโพงตัวเดียวให้เสียงครอบคลุมได้ทั้งด้านข้าง ด้านหลัง รวมถึงด้านบนในส่วนหลังก็ยังให้feelingของเสียงแบบครอบคลุมทั้งหมด ผมว่าใครที่มีปัญหาเรื่องตำแหน่งติดตั้งลำโพงsurroudด้านหลังที่ไม่สามารถติดลำโพงเยอะๆได้ ใช้ลำโพง Tripole® แค่ตัวเดียวก็เป็นการแก้ปัญหาได้ดีทีเดียว

เล่าให้ฟังหน่อยว่าช่วงที่กำลังทดสอบลำโพงM&K ก็ได้มีเฮียสมชายจากร้านขอนแก่นไฮไฟ มาพร้อมกับลูกชายน้องบีมที่ตอนนี้กำลังคร่ำหวอดอยู่กับงานเครื่องเสียงPAระดับ Hi-Endได้มาร่วมฟัง ร่วมทดสอบกับลำโพงชุดนี้ด้วย มีช่วงหนึ่งผมก็ได้เปิดคอนเสิร์ตอัสนี-วสันต์ชุดนี้ให้ฟัง น้องถึงกับบอกว่าเสียงที่ออกมาโอบล้อมและหลุดตู้กว่าที่เคยได้ยินมามาก โดยเฉพาะเสียงนักร้องที่ถึงแม้จะวางลำโพงCenterอยู่ใต้จอขนาดนี้ แต่เสียงที่ออกมาไปอยู่ตรงกลางจอแบบไม่ให้ความรู้สึกว่ามีลำโพงCenterอยู่ข้างล่างเลย น้องเขาสงสัยในจุดนี้มากซึ่งผมก็ได้ให้เทคนิคในส่วนนี้กับน้องไป เพื่อให้ลองไปฝึกทำดู รับรองถ้าทำได้เสียงจะอยู่ตรงกลางจอทั้งเสียงสนทนา เสียงความถี่ต่ำ จะเลื่อนจากด้านล่างขึ้นไปเกาะกลางจออย่างน่าประหลาดใจเลยทีเดียว

ไหนๆเด็กGenใหม่ก็มาฟัง เลยให้หาเพลงที่ชอบ และคุ้นหูมาทดสอบดู น้องถามคำแรกพี่มีapple musicในapple TVไหม ซึ่งผมเป็นสมาชิกพอดี แบบนี้ก็ง่ายเลยจัดไป เริ่มจากDraft PunkในระบบเสียงแบบDolby Atmos ผมก็นั่งฟังพบว่าเสียงเบสใหญ่ลึก เสียงทั่วไปมีความโอบล้อมเหมือนอยู่ในbubbleของเสียง มีเสียงอยู่บนหัวทั้งๆที่ไม่มีลำโพงอยู่บนหัว ส่วนอัลบั้มThe Immaculate CollectionของMadonnaแยกเสียงเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นได้ชัดเจน focusของเสียงแม่นยำ เสียงดีมีclarity โดยเฉพาะเสียงของMadonnaเด่นขึ้นมาเหมือนมีคนมาร้องจริงๆอยู่ตรงหน้า เช่นเดียวกับเสียงของCeline Dionจากอัลบั้มThe Colour of My Love ที่ให้เสียงร้องแบบมีเอกลักษณ์โดดเด่น มีความไพเราะน่าฟัง จบท้ายด้วยOriginal Motion Picture Soundtrack จากภาพยนตร์The Lion King: Mufasa เสียงความถี่ต่ำกลมกลืนกันกับทุกลำโพง  เสียงบนเพดานก็ยังให้ความโอบล้อมได้ดีถึงแม้ไม่มีลำโพงatmosอยู่ด้านบน ในเพลงที่มีนักร้องหลายคนสามารถบอกตำแหน่งนักร้องแต่ละคนได้ชัดเจน ไม่บวม ไม่เบลอ ส่วนเสียงคอรัสนั้นมาแบบรายรอบตัวเต็มๆห้อง

มาฟังเสียงจากภาพยนตร์กันบ้าง เริ่มจาก Civil War(2024) หนังสงครามกลางเมืองที่มีการยิงกันอย่างอุตลุด ซึ่งเสียงปืนที่ถ่ายทอดออกมานั้นทำได้อย่างแม่นยำ focusของเสียงเป๊ะมากอย่างเสียงที่ยิงมาจากด้านบน ก็เหมือนมีต้นกำเนิดเสียงอยู่ตรงนั้นจริง ถึงแม้ลำโพงทั้งหมดวางไว้ด้านล่าง หรือเสียงปืนมาจากด้านหลังก็ให้feelingเหมือนอยู่ข้างหลังจริงทั้งที่ใช้ลำโพงSurroundแค่คู่เดียววางอยู่ด้านข้าง เสียงการสนทนาก็ให้ความคมชัดเคลียร์มาก เสียงแอคเซ่นภาษาอังกฤษชัดเจน

13 Hours หนังสงครามอีกเรื่องที่ลองดูกับลำโพงของM&Kชุดนี้แล้วดูสนุกขึ้นมาก นอกจากเสียงปืน เสียงระเบิด เสียงการต่อสู้ที่ทำได้อย่างดีแล้ว บรรยากาศambient soundไม่ว่าจะเสียงลม เสียงรถ เสียงฝีเท้าเบาๆ ก็ถ่ายทอดออกมาทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในสถานที่จริง ช่วยเพิ่มอารมณ์และความรู้สึกร่วมกับเนื้อหาได้ดีมาก ที่ชอบมากอีกฉากก็คือช่วงที่ยิงๆกันแล้วค่อยๆลดเสียงเปลี่ยนมาเป็นscoreเพลง ซึ่งเสียงเพลงที่บรรเลงออกมานั้นมีความยิ่งใหญ่เต็มห้อง ดึงอารมณ์ความรู้สึกให้คล้อยตามเสียงเพลงและภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เสมือนตัวถูกดูดเข้าไปอยู่ร่วมในกลางภาพยนตร์เลยทีเดียว

หลังจากที่ได้ทดสอบชุดลำโพงM&K ทั้งลำโพงหน้ารุ่น IW500 ลำโพงSubwoofer M&K X15+และลำโพงSurround S300T ต้องบอกว่าลำโพงชุดนี้สามารถนำไปใช้ในห้องHome theaterที่มีขนาดใหญ่ได้สบาย โดยเฉพาะลำโพงIW500 ที่ถูกออกแบบมาให้สามารถจัดวางเข้ากับสภาพห้องได้หลายแบบโดยที่ยังให้เสียงที่ดีอยู่ เป็นลำโพงที่ขับง่ายแต่ให้พลังงานเสียงที่ยิ่งใหญ่ ชัดเจน ถ่ายทอดความสมจริงของเสียงได้อย่างดีเยี่ยม เช่นเดียวกับลำโพงsubwooferที่สามารถปล่อยพลังงานเสียงต่ำได้ลึกและยิ่งใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ คุณภาพเสียงที่ออกมาจากลำโพงชุดนี้ถือว่าอยู่ในระดับสูง ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ ผมว่าลำโพงของM&Kชุดนี้ทำได้อย่างสุดยอดจริง สำหรับใครตอนนี้ที่กำลังมองหาลำโพงที่ใช้ในห้องhome theaterที่มีคุณภาพสูง ให้เสียงในระดับที่สตูดิโอระดับโลกยอมรับ ลองไปฟังเสียงของลำโพงM&Kดูครับ แล้วจะรู้ว่าทำไมลำโพงM&Kยังเป็นลำโพงที่ถูกอ้างอิงอยู่เสมอมามากกว่าห้าสิบปีแล้ว โดยตอนนี้สามารถทดลองฟังได้ที่ร้านคุณนัท Cinemania, คุณยะ ร้านSave Audio และ เฮียสมชาย ร้านขอนแก่นไฮไฟ ท้ายนี้ต้องขอขอบคุณผู้นำเข้า บริษัทลิฟวิ่ง ซาวด์(ประเทศไทย) จำกัด (โทร 081-8521771) ที่ได้นำลำโพงM&Kมาให้ทดสอบในครั้งนี้ด้วยครับ

Facebook
Twitter
Email
ดาวน์โหลดบทความ ทดสอบลำโพง M&K (PDF)
Picture of ทพ. พงศ์ทิพจักร์ เชื้อเจ็ดองค์

ทพ. พงศ์ทิพจักร์ เชื้อเจ็ดองค์

หมอเอก หมอฟันผู้มีความหลงไหลชื่นชอบในเรื่องHometheater/Homecinema ด้วยความสนใจใคร่รู้ว่าเสียงและภาพในห้อง Hometheater จริง ๆ แล้วควรจะเป็นอย่างไร เลยลงทุนไปเรียนหลายสถาบันทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น THX, HAA, ISF, CEDIA, PVA, Meyer Sound Training, Smaart Training นอกจากนี้ก็เคยเข้าไปสัมผัสห้องสตูดิโอ และโรงภาพยนตร์ระดับมาตรฐานของโลกหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น Stag theater, Kurasawa Dubbing Stage, Skywalker Sound Studio ของ Lucasfilm/ Pearson Theater,Bear’s Labของ Meyer Sound/ Dolby Cinema™ โดยความรู้และประสบการณ์ที่ได้มานั้นก็ได้นำมาเขียนเป็นบทความลงนิตยสาร และทำสื่อมัลติมีเดียออนไลน์เป็นเวลาหลายปี ตอนนี้ก็ได้นำบทความสื่อต่าง ๆ รวมถึงบทความใหม่ ๆ คลิปวิดีโอใหม่ ๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคตมารวบรวมกันไว้ที่ website นี้ เพื่อให้ใครที่สนใจในเรื่องของ Hometheater เอาไว้เสริมความรู้ และเผื่อสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ที่อาจจะพบเจอในการเล่นเครื่องเสียงของแต่ละท่านได้